PLC คืออะไร
PLC มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Programmable Controller หรือการควบคุมซีเควนซ์ Sequence Control (SC) ซึ่งมีคำนิยามเกี่ยวกับอุปกรณ์นี้ว่า “คือสิ่งที่เอาไว้ควบคุมอุปกรณ์เครื่องจักรต่าง ๆ โดยผ่านสิ่งที่เรียกว่า Input-Output ซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคที่ภายในประกอบไปด้วยหน่วยความจำเพื่อจดจำคำสั่งที่สามารถสั่งงานได้ด้วยโปรแกรม (Programmable)”
ความเป็นมาของ PLC
เริ่มจากการที่บริษัท GM (General Motors) ในอเมริกามีความประสงค์ที่จะพัฒนาค้นคว้าเกี่ยวกับพีแอลซี จึงทำให้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1968 และในปี 1969 อเมริกาได้เริ่มวางจำหน่ายในตลาด สำหรับในประเทศญี่ปุ่นได้ให้กำเนิดรุ่นแรกในประเทศขึ้นในปี 1970 แต่ สำหรับรุ่นทั่วไปนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากปี 1976 บริษัท Mitsubishi Electric เป็นผู้เปิดตลาดโดยการวางจำหน่ายรุ่นทั่วไปตั้งแต่ปี 1977 โดยผลิตรุ่นที่เป็นแบบ One-board จนติดตลาดและเป็นที่รู้จักกันทั่วไป หลังจากนั้นในปี 1980 ได้มีการวางจำหน่ายรุ่น K-Series ที่มี การติดตั้งฟังก์ชันการคำนวณและจัดการเรื่องตัวเลข (Numeric value processing functions) และในปี 1981 ถือเป็นจุดเริ่มในการวางจำหน่าย Micro PLC F-Series ที่มีการติดตั้งโปรแกรม (Built-in programmer) และเข้าสู่ยุคที่เริ่มใช้พีแอลซีอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน


เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการใช้งานพีแอลซีและระบบรีเลย์ในการควบคุม
หัวข้อ | วิธีการ | การควบคุมรีเลย์ (Relay control) | การควบคุมพีแอลซี (PLC control) |
1 | ความสามารถ (Function) | ถ้าใช้ Relay หลายตัวก็สามารถควบคุมแบบการทำงาน ที่ซับซ้อนได้ | สามารถควบคุมการทำงานที่ซับซ้อนได้มากมาย ด้วยโปรแกรม |
2 | การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาการควบคุม | ไม่มีวิธีอื่นนอกเหนือจากการเปลี่ยนการเดินสายไฟ | สามารถทำได้โดยอิสระ เพียงแค่เปลี่ยนโปรแกรม |
3 | ความเชื่อมั่น | ถ้ามีการใช้งานตามปกติจะไม่มีปัญหา แต่จะมีจำกัดใน เรื่องของหน้าสัมผัสไม่ดีและเรื่องของอายุการใช้งาน | ชิ้นส่วนที่สำคัญใช้วัสดุทั้งหมดเป็นกึ่งตัวนำไฟฟ้า จึงได้รับความไว้วางใจสูง |
4 | คุณสมบัติโดยทั่วไป | อุปกรณ์ที่ทำเสร็จนั้นไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได | ขึ้นอยู่กับโปรแกรมสามารถควบคุมประเภทไหนก็ได้ |
5 | การขยายเครื่องจักร (Expandability) | จำเป็นต้องมีการเพิ่มหรือมีการสร้างใหม่ซึ่งมีความยาก ลำบาก | สามารถขยายได้ตามอิสระจนเต็มขีดความสามารถ |
6 | ความง่ายดาย ในการดูแลรักษา | จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเป็นระยะ และเปลี่ยนชิ้นงาน ตามอายุการใช้งาน | สามารถทำการซ่อมบำรุงได้เพียงแค่การเปลี่ยนยูนิต |
7 | ความหลากหลาย ด้านฟังก์ชัน | ทำได้เฉพาะการควบคุมรีเลย์ (Relay control) | นอกเหนือจาก Sequence program แล้ว ยังสามารถ ควบคุมอื่นๆ เช่น อนาล็อก (Analog) หรือ การกำหนด ตำแหน่ง (Positioning) ได้อีกด้วย |
8 | ขนาดเครื่องจักร | มีขนาดใหญ่ทั่วๆ ไป | ถึงแม้จะเป็นการควบคุมระดับสูงและซับซ้อน ก็ไม่ทำให้ เครื่องจักรมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม |
9 | ระยะเวลาในการออกแบบ และการจัดทำ | ใช้เวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำ Drawing จำนวนมาก การจัดหาชิ้นงานและการทดสอบประกอบ | ถึงจะเป็นการควบคุมที่ซับซ้อน ก็สามารถทำการออกแบบได้อย่างง่ายดาย ไม่สร้างขั้นตอนในการจัดทำ |
ซึ่งจะเห็นได้ว่าระบบการควบคุมพีแอลซี มีข้อดีมากกว่า Relay จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีความยืดหยุ่น ง่ายในการเปลี่ยนแปลง และง่ายในการจัดการ การบำรุงรักษา
ข้อมูลจาก : https://www.mitsubishielectric.com